ในปัจจุบันเครื่องกําเนิดไฟฟ้า ถือว่ามีความจําเป็นสําหรับสถานประกอบ การทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน ที่มีกิจกรรมโดยอาศัยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก เพราะหากเมื่อใดที่พลังงานไฟฟ้าเมนหลักจากการไฟฟ้ามีปัญหา ไม่สามารถจ่าย กระแสไฟฟ้าได้ เครื่องกําเนิดไฟฟ้าจะสตาร์ทการทํางาน เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า สํารอง ไม่ให้การใช้ไฟฟ้ามีการขาดตอนและป้องกันความเสียหายให้กับระบบ การทํางานได้ หรือจําเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าไปหล่อเลี้ยงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่สําคัญ เช่น โรงพยาบาล ชุมสายโทรศัพท์ หรือคลังน้ำมัน เป็นต้น ทั้งนี้ คงจะเป็นความเสียหายที่ไม่อาจจะรับได้ หากเกิดไฟดับในขณะที่ทีมแพทย์และ พยาบาลกําลังผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิตคนไข้
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/1000008-1024x576.jpg)
เครื่องกําเนิดไฟฟ้า จึงถือเป็นส่วนหนึ่งในแผนฉุกเฉินที่มีความสําคัญ เพื่อป้องกันความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นสําหรับสถานประกอบการต่างๆ ที่มีกิจกรรมมากมายที่ต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพจากมาตรฐานของสถาบันชั้นนํา จําเป็นจะต้องมีแผนสํารองการใช้พลังงานไฟฟ้า โดย จะต้องติดตั้งเครื่องกําเนิดไฟฟ้าที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในยามที่ไฟฟ้าดับ และสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังกิจกรรมที่ต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้าเป็น หลักได้เพียงพอ
เครื่องกําเนิดไฟฟ้า คืออะไร
เครื่องกําเนิดไฟฟ้า คือ เครื่องมือชนิดหนึ่งที่ใช้สําหรับแปลงพลังงานกล เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยจะอาศัยหลักการทํางาน 2 รูปแบบด้วยกันคือ
1 สนามแม่เหล็กที่ตัดผ่านขดลวด “สนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ตัดผ่านขดลวดซึ่งอยู่กับที่”
2 ขดลวดที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็ก “ขดลวดเคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็ก”
ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบนี้ จะได้พลังงานไฟฟ้าออกมา ทั้งนี้ ไม่ว่าเครื่องกําเนิดไฟฟ้าจะ อาศัยหลักการทํางานในรูปแบบใด จะประกอบด้วยส่วนที่สําคัญ 2 ส่วน คือ ส่วน แรก Field (ฟิวส์) หรือที่เรียกว่า สนามแม่เหล็ก ซึ่งส่วนนี้จะเป็นส่วนที่สร้างสนาม แม่เหล็กขึ้นมา ด้วยพลังงานไฟฟ้าส่วนหนึ่ง “แม่เหล็กไฟฟ้า” และส่วนที่สอง คือ Armature (อาร์เมเจอร์ หรือขดลวดอาร์เมเจอร์) หรือที่เรียกว่า “แรงดันไฟฟ้า” โดยส่วนนี้จะเป็นส่วนที่สร้างแรงดันไฟฟ้า ซึ่งส่วนประกอบหลักนี้ จะมีอยู่ในเครื่อง กําเนิดไฟฟ้าทั้งแบบสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ตัดผ่านขดลวดซึ่งอยู่กับที่ และแบบขดลวดเคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็ก
![เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรง](https://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/การทำงานเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรง-1024x576.jpg)
การเกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้า
เมื่อใดที่ตัวนําและสนามแม่เหล็ก (ขดลวดอาร์เมเจอร์และขดลวดแกนแม่ เหล็ก “แม่เหล็กไฟฟ้าชั่วคราว” หรือ “แร่ที่เป็นแม่เหล็กถาวรตามคุณสมบัติ”) มี การเคลื่อนที่สัมพัทธ์ หรือ Relative Motion ตามทิศทางที่ตัวนําเคลื่อนที่ติดกับ เส้นแรงแม่เหล็กหรือสนามแม่เหล็ก แรงเคลื่อนไฟฟ้าจะถูกเหนี่ยวนําให้เกิดขึ้น กับตัวนํา โดยเครื่องกําเนิดไฟฟ้านั้น ขนาดหรือปริมาณแรงเคลื่อนเหนี่ยวนําที่เกิด ขึ้น ล้วนขึ้นอยู่กับความเข้มของสนามแม่เหล็กโดยตรง ซึ่งเป็นอัตราที่เส้นแรงแม่ เหล็กตัด เช่นนั้น หากเครื่องกําเนิดไฟฟ้าเครื่องหนึ่ง มีสนามแม่เหล็กมีความเข้ม มากกว่า หรือมีจํานวนของเส้นแรงแม่เหล็กที่ตัดตามเวลาที่กําหนดที่ค่ามากกว่า ก็ แสดงว่าเครื่องกําเนิดไฟฟ้าเครื่องนี้จะมีค่าแรงเคลื่อนเหนี่ยวนําที่มากกว่าเช่นกัน
![](https://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/9990857-2-1024x576.jpg)
หลักการเบื้องต้นของการเกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้า คือ ทิศทางหรือขั้วของแรง เคลื่อนที่เกิดขึ้น ทั้งนี้สามารถหาได้โดยใช้กฏมือขวาสําหรับเครื่องกําเนิดไฟฟ้า หรือกฎมือขวาของเฟรมมิ่ง ซึ่งแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในหลักการทํางานของ เครื่องกําเนิดไฟฟ้า มีความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับกฎมือขวาของเฟรมมิ่ง โดยให้ กางมือขวาออก แต่จะต้องให้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง อยู่ในตําแหน่งที่ตั้ง ฉากซึ่งกันและกันทุกนิ้ว
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/กฎมือขวา-1024x576.jpg)
นิ้วชี้ = ทิศทางสนามแม่เหล็ก
นิ้วหัวแม่มือ = ทิศทางการเคลื่อนที่ของตัวนํา
นิ้วกลาง = ทิศทางของกระแสที่ไหลในตัวนํา
เมื่อนํากฎมือขวามาเทียบกับหลักการทํางานของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า จึง ทดลองโดยกําหนดขดลวดเพียงรอบเดียวตามรูปข้างบน จะสังเกตเห็นว่ามีแรง เคลื่อนไฟฟ้าที่ถูกเหนี่ยวนําให้เกิดขึ้น 2 ปริมาณ บนด้านทั้งสองของวงขดลวด และมีขนาดเท่ากัน ซึ่งทิศทางการเกิดขึ้นของแรงเคลื่อนจะอยู่ในลักษณะอนุกรม กัน หากนําไปเทียบกับปลายทั้งสองของวงขดลวดที่เปิด เช่นนั้น ผลการทดลองที่ เกิดขึ้น ปริมาณหรือขนาดของแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่คร่อมอยู่ที่ปลายระหว่างทั้งสอง ของขดลวด จะมีปริมาณหรือขนาดเป็น 2 เท่าของแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ถูกเหนี่ยวนํา ในแต่ละด้านของวงขดลวด จากผลที่เกิดขึ้นนี้ เราจะสังเกตได้ว่า การเคลื่อนที่ที่ สัมพัทธ์ คือ ความเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุที่มีขนาดสองอันไม่เท่ากัน อีกทั้งยัง มีความแตกต่างของความเร็วระหว่างวัตถุทั้งสองอันด้วย โดยที่วัตถุอันหนึ่งจะต้อง นิ่งอยู่กับที่ ในขณะที่วัตถุอีกหนึ่งจะต้องเคลื่อนที่
การกําหนดขั้วแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่เกิดขึ้น
ตามหลักวงจรการไหลของกระแสไฟฟ้า อิเล็กตรอนจะไหลจากขั้วลบไปยัง ขั้วบวกตามวงจร แต่ตัวเครื่องกําเนิดไฟฟ้าไม่ได้เป็นวงจรไฟฟ้า โดยเครื่องกําเนิดไฟฟ้าเป็นแหล่งผลิตและแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้า เครื่องกําเนิดไฟฟ้าจึงเป็นเพียง องค์ประกอบส่วนหนึ่งในวงจรไฟฟ้า เช่นนั้น ถ้าเครื่องกําเนิดไฟฟ้าถูกต่อให้ครบ วงจร กระแสอิเล็กตรอนที่ไหลอยู่ภายในตัวเครื่องกําเนิดไฟฟ้าจะไหลจากขั้วบวก ไปยังขั้วลบ ซึ่งสวนทางกันกับวงจรกระแสไฟฟ้าที่ไหลจากขั้วลบไปขั้วบวก
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/สนามแม่เหล้ฏ-1024x576.jpg)
เช่นนั้น จึงต้องมีการกําหนดขั้วให้กับเครื่องกําเนิดไฟฟ้าเพื่อหาเหตุผลว่า กระแสอิเล็กตรอนที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดขึ้นในเครื่องกําเนิดไฟฟ้าเกิดประจุไฟฟ้า ที่ขั้วเอาต์พุตได้อย่างไร เพราะกระแสเหนี่ยวนําเป็นตัวทําให้อิเล็กตรอนไหลไป ในทิศทางที่เกิดการสะสม เพราะเหตุนี้ขั้วทั้งสองของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า จึงจะต้องกําหนดให้มีความสัมพัทธ์สอดคล้องกับประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้น เนื่องจากเมื่อต่อโหลดเข้ากับเครื่องกําเนิดไฟฟ้าแล้ว กระแสอิเล็กตรอนที่ไหลผ่านโหลดจะไหลจาก ขั้วลบไปยังขั้วบวก ในขณะที่กระแสไฟฟ้าจะไหลจากขั้วบวกไปยังขั้วลบ เพราะได้ มีการกําหนดให้กระแสไฟฟ้ามีทิศทางการไหลที่ตรงกันข้ามกับอิเล็กตรอน
ดังนั้นขั้วเอาต์พุตของเครื่องกําเนิดไฟฟ้าที่ถูกตั้งค่าหรือกําหนดขึ้น เพื่อให้ ได้ทราบว่า เมื่อนําโหลดต่อเข้ากับขั้วทั้งสองของเครื่องกําเนิดไฟฟ้าแล้ว กระแส อิเล็กตรอนที่ไหลผ่านโหลด จะไหลจากขั้วลบไปยังขั้วบวก หรือกระแสไฟฟ้าจะ ไหลจากขั้วบวกไปยังขั้วลบนั่นเอง
ชนิดของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า
นับตั้งแต่ไมเคิล ฟาราเดย์ ค้นพบหลักการทํางานของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า มาจนถึงปัจจุบันได้มีการคิดค้นพัฒนาต่อยอดเครื่องกําเนิดไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง แบบกําเนิดไฟฟ้าด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า และกําเนิดด้วยไฟฟ้าสถิต ซึ่งเครื่อง กำเนิดเนิดไฟฟ้าที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน จะมีเครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสตรง เครื่อง กำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ และไดนาโมที่สามารถกําเนิดทั้งไฟฟ้ากระแสตรงและ ไฟฟ้ากระแสสลับ
เครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสตรง (DC Generators)
เครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสตรง คือ เครื่องกลที่ต้องรับพลังงานจาก ภายนอกเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยใช้หลักการเกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้า เหนี่ยวนํา ซึ่งอาศัยหลักการใช้ตัวนําเคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็ก ในรูปแ9แยก (Split Ring) หรือที่เรียกว่า คอมมิวเตเตอร์ (Commutator) เมื่อแรงเคลื่อน ไฟฟ้ากระแสสลับ ไหลมาถึงซีคอมมิวเตเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับนี้จะถูกเปลี่ยนใจ เป็นไฟฟ้ากระแสตรง และไหลออกสู่วงจรภายนอกโดยผ่านแปรงถ่าน (Brushes ทั้งนี้ เครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสตรงจะสามารถจําแนกชนิดตามลักษณะของการ จ่ายกระแสไฟฟ้า (กระตุ้นขดลวดสนามแม่เหล็ก) ให้กับขดลวดสนามแม่เหล็ก โดยจะมี 2 ลักษณะ
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/กระแสตรง-1024x576.jpg)
1. เครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสตรงชนิดกระตุ้นภายนอก Separately Excite DC. Generator (ใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นขดลวดสนามแม่เหล็ก จากแหล่งจ่ายภายนอก)
2. เครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสตรงชนิดกระตุ้นในตัว Self Excite DC Generator (กระแสไฟฟ้าที่ใช้กระตุ้นขดลวดสนามแม่เหล็กได้จากการเหนียวนําของสนามแม่เหล็กที่ตกค้างในตัวเครื่องกําเนิดไฟฟ้า)
ทั้งนี้ เครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสตรงนั้น ส่วนที่สร้างสนามแม่เหล็กหรือ ฟิวส์จะเป็นส่วนที่อยู่กับที่ “ไม่เคลื่อนที่” ส่วนอาร์เมเจอร์จะเป็นส่วนที่เคลื่อนที่ นอกจากนี้คอมมิวเตเตอร์ของเครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสตรง จะมีเพียงวงเดียว ซึ่งเป็นส่วนที่สัมผัสกับแปรงถ่าน ซึ่งทําหน้าที่เชื่อมต่อไฟฟ้ากระแสตรงออกสู่ ภายนอก
เครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (Ac Generator)
เครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ คือ เครื่องกลที่ต้องรับพลังงานจากภายนอกเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยใช้หลักการเกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยว นำซึ่งอาศัยหลักการใช้ตัวนําเคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็ก เช่นเดียวกับหลักการทํางานของเครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสตรง แต่กระแสสลับจะไม่มีคอมมิวเตอร์ (Commutator) และวงแหวนอื่น (Slip Ring) จะไม่แยกแต่จะมีลักษณะ 2 วง เมื่อขดลวดอาร์เมเจอร์หมุนตัว จะได้กระแสไฟฟ้าวิ่งกลับไปมาในวงจร (กระแสสลับ) โดยเมื่อแรงเคลื่อนไฟฟ้ากระแสสลับไหลมาถึงวงแหวนลื่น แรงเคลื่อนไฟฟ้ากระแสสลับนี้ จะไหลออกสู่วงจรภายนอกโดยผ่านแปรงถ่าน
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/กระแสสลับ-1024x576.jpg)
โดยทั่วไปแล้วเครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสสลับที่นิยมใช้กัน คือ เครื่องกําเนิด ไฟฟ้ากระแสสลับขนาดกลาง เช่น โรงพยาบาล อาคารสูงที่จะต้องใช้ลิฟต์ หรือ โรงงานอุตสาหกรรมบางประเภทที่ไม่สามารถหยุดเครื่องจักรการผลิตได้ ซึ่ง
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/กระแแสตรง_1680x945-1024x576.jpg)
ลักษณะทั่วไปของเครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ จะถูกออกแบบให้ขั้วแม่เหล็ก เป็นโรเตอร์ (Rotor) โดยโรเตอร์นี้จะถูกขับเคลื่อน (ส่วนที่เคลื่อนที่) ด้วยต้นกําลัง อย่าง เครื่องยนต์ดีเซล กังหันน้ํา กังหันลม หรือกังหันแก๊ส สําหรับส่วนที่อยู่กับ ที่ คือ ขดลวดอาร์เมเจอร์ที่สร้างแรงดันไฟฟ้า (กําเนิดไฟฟ้า) จะติดอยู่บนโครงซึ่ง เป็นส่วนที่อยู่กับที่ (ไม่เคลื่อนที่) หรือที่เรียกว่าสเตเตอร์ (Stator)
ในเริ่มต้นของการศึกษาเรื่องหลักการทํางานของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า เพียง จําไว้ว่าโรเตอร์ (Rotor) ของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า คือ ส่วนที่เคลื่อนที่ (ส่วนที่จะ ต้องหมุน) ส่วนสเตเตอร์ (Stator) คือ ส่วนที่อยู่กับที่ (ติดตั้งบนโครงเครื่อง หรือ Frame) อย่างที่เคยได้อธิบายรูปแบบการทํางานของเครื่องกําเนิดไฟฟ้าไปแล้ว ว่า เครื่องกําเนิดไฟฟ้าจะอาศัยหลักการทํางาน 2 รูปแบบด้วยกันคือ 1) สนาม แม่เหล็กที่ตัดผ่านขดลวด “สนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ตัดผ่านขดลวดซึ่งอยู่กับที่” และ 2) ขดลวดที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็ก “ขดลวดเคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็ก” เช่นนั้น หากสนามแม่เหล็กเป็นส่วนที่หมุนเคลื่อนที่ นั่นหมายถึงโรเตอร์ แต่หาก สนามแม่เหล็กเป็นส่วนที่อยู่กับที่ติดกับโครงเครื่อง นั่นหมายถึงสเตเตอร์ และ สิ่งเหล่านี้คือข้อแตกต่างสําหรับเครื่องกําเนิดไฟฟ้ากระแสตรง และเครื่องกําเนิด ไฟฟ้ากระแสสลับ โดยกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรง ขดลวดอาร์เมเจอร์จะเป็นส่วนที่เคลื่อนที่ (โรเตอร์) และสนามแม่เหล็กจะเป็นส่วนที่อยู่กับที่ (สเตเตอร์) แต่สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ จะตรงกันข้ามกัน สนามแม่เหล็กเป็นโรเตอร์ ส่วนขดลวดอาร์เมเจอร์เป็นสตเตอร์ หรือเครื่องกำเนอดไฟฟ้าแบบขั้วแม่เหล็กหมุนนั่นเอง
ขนาดเครื่องกําเนิดไฟฟ้า
ในปัจจุบันเครื่องกําเนิดไฟฟ้ากลายเป็นที่นิยมสําหรับกิจกรรมด้าน การเกษตร โดยเครื่องกําเนิดไฟฟ้าจะมีชื่อเรียกกันจนติดปากอีกชื่อหนึ่งว่า “เครื่องปั่นไฟ” ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ความจําเป็นในการใช้เครื่องกําเนิดไฟฟ้า เช่น โรงพยาบาล คลังน้ำมัน อาคารสูงที่มีลิฟต์ หรือโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความ จําเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าตลอดเวลา สถานประกอบการเหล่านี้ จะนิยมใช้เครื่องกําเนิดไฟฟ้าขนาดกลาง และในสถานที่อาจมีมากกว่า 1 เครื่อง เพื่อรองรับ การใช้พลังงานไฟฟ้าในยามที่กระแสไฟฟ้าเมนหลักดับ โดยเฉพาะกิจกรรมด้าน การเกษตร เครื่องกําเนิดไฟฟ้าขนาดเล็กยังสามารถช่วยให้การทํางานในพื้นที่ที่ ไม่มีกระแสไฟฟ้า หรือไฟฟ้าเมนหลักเข้าไม่ถึง เช่น การสูบน้ำโดยใช้เครื่องปั้มน้ํา ไฟฟ้า หรือความต้องการในการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างแสงสว่าง ในพื้นที่กระแสไฟฟ้าเข้าไม่ถึง เป็นต้น
![](https://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/ขนาด_1680x945-1024x576.jpg)
โดยเครื่องกําเนิดไฟฟ้าขนาดกลางและขนาดเล็ก (เครื่องปั่นไฟ) ส่วน ใหญ่จะได้พลังงานกลภายนอกจากเครื่องยนต์ ซึ่งจะต้องใช้น้ํามันเป็นเชื้อเพลิง ในการจุดระเบิดทํางาน เพื่อสร้างแรงหมุนส่งต่อไปยังเครื่องกําเนิดไฟฟ้า ทําให้ขดลวดเกิดการตัดผ่านสนามแม่เหล็ก จึงจะได้กระแสไฟฟ้าออกมาใช้งานตาม วัตถุประสงค์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สะดวกมาก สําหรับการทํางานในพื้นที่ที่ไม่มี กระแสไฟฟ้าใช้ เช่น สมมุติว่าเกษตรกรคนหนึ่งจําเป็นจะต้องสูบน้ำจากคลอง ชลประทานเข้าสู่พื้นที่การเกษตรของตนเอง “แต่เขาไม่มีเครื่องปั๊มน้ำแบบ เครื่องยนต์” แต่มีเครื่องปั้มน้ำไฟฟ้า
เครื่องกําเนิดไฟฟ้า ขนาดเล็ก
เครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็ก ( <1 kVA – 20 kVA) หรือเครื่องปั่นไฟที่เราเรียกกันจนติดปากจะมีขนาดกะทัดรัด “แต่ต้อง 2 คนหิ้ว” บางยี่ห้อใส่ล้อเลื่อนเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย ถ้าใครนึกขนาดไม่ออก “ก็ขนาดพอๆ กับปั๊มลมตามร้านปะยางมอเตอร์ไซค์” เครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็กถือว่าได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่เคลื่อนย้ายง่าย และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าที่ไหนก็ได้ ขอเพียงมีน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็ก ยังมีทั้งแบบระบบกระไฟฟ้าเฟสเดียวและแบบ 3 เฟส โดยพลังงานกลภายนอกที่ได้จากเครื่องยนต์นั้น จะมีทั้งแบบใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน ซึ่งก็แล้วเหมาะสมในการเลือกใช้งาน ทั้งนี้ จะขอแนะนำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะ เป็นนิยมใช้งานในปัจจุบัน เผื่อว่าใครกำลังตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟสักเครื่องมาใช้งาน
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/ขนาดเล็ก_1680x945-1024x576.jpg)
เครื่องกําเนิดไฟฟ้า Honda
เครื่องยนต์ Honda ถือว่ามีชื่อเสียงในระดับเอเชียมายาวนาน โดยเฉพาะ เครื่องยนต์เบนซินที่ทางค่ายได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เช่นนั้น จุดเด่นของ เครื่องกําเนิดไฟฟ้า Honda ก็คือ เครื่องยนต์ที่ทนทาน ทํางานได้ดีไม่ค่อยจะมี ปัญหา และอะไหล่ก็หาง่ายอีกด้วย
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/ขนาดเล็ก-honda_1680x945-1024x576.jpg)
เครื่องกําเนิดไฟฟ้าระบบ Inverter Honda
เครื่องกําเนิดไฟฟ้าระบบ Inverter Honda ถือว่าเป็นจุดเด่นของเครื่อง กําเนิดไฟฟ้า เพราะได้มีการนําระบบอินเวอร์เตอร์รวมเข้าไปในระบบปั่นไฟ เช่น นั้น จึงสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ทั้งกระแสสลับ (AC) และกระแสตรง (DC) อีกทั้งยังสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างคงที่อีกด้วย โดยเครื่องกําเนิดไฟฟ้า ระบบ Inverter Honda จะมีหลายรุ่น แต่มี 2 รุ่น ที่รับความนิยม คือ
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/ขนาดเล็ก1_1680x945-1024x576.jpg)
เครื่องกําเนิดไฟฟ้า Ford
หรับค่าย Ford ก็เป็นอีกค่ายผลิตและพัฒนาเครื่องยนต์ยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อระดับโลกมายาวนาน โดยปัจจุบันเครื่องปั่นไฟของ Ford ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล ถือว่ากําลังได้รับความนิยมที่สูงมาก และนิยมนําไปใช้ะป็นพลังงานในงานก่อสร้างและออกแบบตกแต่งอาคารทั่วไปที่ไม่มีกระแส ไฟฟ้าเมนหลักใช้งาน
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/ford_1680x945-1024x576.jpg)
เครื่องกําเนิดไฟฟ้า Kanto
เครื่องกําเนิดไฟฟ้า Kanto ถือว่ามาตีตลาดเครื่องปั่นไฟในราคาที่ย่อมเยา มีหลายรุ่นและหลายแบบให้เลือก ซึ่งเป็นที่นิยมสําหรับเกษตรกรที่จําเป็นต้องใช้ พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ที่ไฟฟ้าเมนหลักเข้าไม่ถึง
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/kanto_1680x945-1024x576.jpg)
เครื่องกําเนิดไฟฟ้า Jupiter
เครื่องกําเนิดไฟฟ้า Jupiter เป็นอีกหนึ่งค่ายที่ผลิตเครื่องกําเนิดไฟฟ้าทั้ง แบบเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องดีเซล ซึ่งเป็นที่นิยมใช้งานเกี่ยวกับการ แสดงกลางแจ้ง และมีจุดเด่นที่ระบบสตาร์ทจะสตาร์ทได้ทั้งแบบเชือกดี สตาร์ทกุญแจ นอกจากนี้ยังมีจุดขายที่สามารถตีตลาดเครื่องปั่นไฟได้
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/jupiter_1680x945-1024x576.jpg)
เครื่องกําเนิดไฟฟ้า ขนาดกลาง
เครื่องกําเนิดไฟฟ้าขนาดกลาง (50 kVA – 2500 kVA) ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องกําเนิดไฟ ไฟฟ้าระบบ 3 เฟส ให้แรงดันไฟฟ้า 220/380 โวลต์ โดยเครื่องกําเนิดไฟฟ้าขนาดกลางนี้ มักจะใช้เป็นเครื่องสํารองไฟ ประกอบการอย่างโรงพยาบาล โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร หรืออาคารสูงที่ต้องใช้ลิฟต์ และโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อระบบไฟฟ้าหลักของการไฟฟ้าเล ขัดข้อง ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าหลักได้ตามปกติ ทั้งนี้ เครื่องกําเนิดไฟฟ้าจะสา เดินเครื่องได้ด้วยมือ หรือระบบ Manual และเครื่องกําเนิดไฟฟ้ายังสามารถ
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/ขนาดกลาง1_1680x945-1024x576.jpg)
รถเดินมาดตั้งแต่ 5-500 รองไฟกับสถาน 4 หรืออาคารสูงที่ กรไฟฟ้าเกิดการสามารถเครื่องทํางานได้แบบอัตโนมัติ โดยใช้ทรานส์เฟอร์สวิตช์อีกด้วย ซึ่งสวิตช์ชนิดนี้ ทําหน้าที่ถ่ายโอนระบบไฟฟ้าของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า และระบบการจ่ายไฟฟ้าของ การไฟฟ้าเข้ากับโหลด
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/ขนาดกลางใช้กับโรงพยาบาล_1680x945-1024x576.jpg)
เครื่องกําเนิดไฟฟ้า ขนาดใหญ่
เครื่องกําเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ (4000 kVA ขึ้นไป) ปกติแล้วเครื่องกําเนิดไฟฟ้าประเภทนี้จะ ใช้เป็นกําลังหลักในการผลิตไฟฟ้าของโรงผลิตไฟฟ้าต้นกําลัง เช่น โรงงานไฟฟ้า พลังงานความร้อน พลังน้ำ กังหันแก๊ส และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม โดยจะจ่ายแรงดันไฟฟ้าได้ประมาณ 20 KV ซึ่งจะเข้าสู่ระบบ สายส่งแรงสูงของการไฟฟ้า ของประเทศ หรือใช้ในการ ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อเชื่อม ต่อเข้ากับระบบจําหน่าย 22 KV ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยตรง
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/ขนาดใหญ่_1680x945-1024x576.jpg)
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/ขนาดใหญ่1_1680x945-1024x576.jpg)
การคํานวณเพื่อเลือกใช้เครื่องกําเนิดไฟฟ้า
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเครื่องกําเนิดไฟฟ้ามาใช้งาน เราจําเป็นจะต้อง พิจารณาถึงความต้องการในการใช้ไฟฟ้า เพื่อวางแผนการเลือกใช้ระบบสํารอง ไฟฟ้า เมื่อระบบไฟฟ้าหลักของการไฟฟ้าเกิดขัดข้อง เครื่องกําเนิดไฟฟ้าที่เลือก มาใช้งาน จะต้องมีขนาดที่เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้า เช่น โรงพยาบาล แห่งหนึ่ง จําเป็นจะต้องมีระบบไฟฟ้าสํารอง เมื่อระบบไฟฟ้าหลักของการไฟฟ้าเกิดขัดข้อง คือ ระบบแสงสว่าง ระบบเตือนภัย และเครื่องมือแพทย์ที่จําเป็นจะต้องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยเราจะต้องพิจารณาความต้องการใช้ไฟฟ้า เพื่อกําหนดคุณสมบัติของเครื่องกําเนิดไฟฟ้าให้ตรงกับความต้องการในการใช้งาน
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/1000013-1024x576.jpg)
โดยปกติแล้ว คุณสมบัติของเครื่องกําเนิดไฟฟ้าที่ดี ควรจะมีชั่วโมงการใช้งานประมาณ 6-8 ชั่วโมง แล้วแต่สมรรถนะของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า เช่นนั้น จําเป็นต้องพิจารณาถึงความต้องการในการใช้งานของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า เช่น นําไปใช้กับเครื่องเสียงกลางแจ้งอย่าง งานเปิดตัวสินค้า การแสดงคอนเสิร์ต หรือ อาจนําไปใช้เฉพาะระบบแสงสว่างและเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่กี่ชิ้น ในขนาดที่เหมาะสมกับหลอดไฟ 5 ดวง โทรทัศน์ พัดลม หม้อหุงข้าว อย่างละ 1 เครื่องได้ แต่การใช้กระแสไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องจากเครื่องกําเนิดไฟฟ้านั้น จะต้องใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 เปอร์เซ็นต์ของกําลังไฟเครื่องกําเนิดไฟฟ้า แต่หากใช้งานเต็มประสิทธิภาพ 80 เปอร์เซ็นต์ จะส่งผลให้เกิดการชํารุด และอายุกการใช้งานสั่นลงอย่างรวดเร็ว
คํานวณขนาด เครื่องกําเนิดไฟฟ้า
การคํานวนขนาดเครื่องกําเนิดไฟฟ้า ก่อนอื่นจะต้องคํานวณหาปริมาณต้องการในการใช้ไฟฟ้าของเราก่อน โดยเราจะต้องนํากําลังไฟฟ้าที่ต้องการ จะต้องหมดมารวมกัน (คํานวณโหลด) เพื่อให้ได้ค่าปริมาณไฟฟ้าที่เราต้องการใช้
ตัวอย่างที่ 1
– หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ 36 W 10 หลอด = 360 W
– โทรทัศน์ 145 W 3 เครื่อง = 435 W
– หม้อหุงข้าว 720 W 1 เครื่อง = 720 W
– พัดลม 75 W 4 เครื่อง = 300 W
– ปั้มน้ํา 300 W 1 เครื่อง = 300 W
– ตู้เย็น 6 คิว 1 เครื่อง = 128 W
– รวม = 2,243 W
ขนาดของเครื่องกําเนิดไฟฟ้าที่เหมาะสม คือ 3 KVA หรือ 2,400 W
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/ตารางเครื่องใช้ไฟฟ้า_1680x945-1024x576.jpg)
แต่หากมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องปรับอากาศด้วย เราอาจพิจารณาไม่อา โหลดตัวนี้เข้ามารวมในการคํานวณ เนื่องจากส่วนใหญ่หากกระแสไฟฟ้าหลักจาก การไฟฟ้าเกิดขัดข้อง (ไฟดับ) จะไม่มีการใช้เครื่องปรับอากาศ เพราะกินไฟมาก หรือหากจําเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศตลอดเวลา เพราะต้องรักษาอุณหภูมิห้อง สามารถคํานวณวัตต์ตาม BTU ของเครื่องปรับอากาศได้ดังนี้
– 1BTU = 1055.056 จูล
– 1 วัตต์ = 1 จูล / วินาที
– 1 ชั่วโมง = 3,600 วินาที
– 1 BTU / ชั่วโมง = 0.2928104 วัตต์
จํานวน BTU X 0.2928104 = จํานวนวัตต์ / ชั่วโมง
การอ่านแผ่นป้ายเครื่องกําเนิดไฟฟ้า
ในเครื่องกําเนิดไฟฟ้า จะมีแผ่นป้ายเพื่อแสดงคุณสมบัติต่างๆ ของเครื่อง กําเนิดไฟฟ้า หรือข้อมูลเฉพาะของเครื่องกําเนิดไฟฟ้าแต่ละเครื่อง เพื่อให้ผู้ใช้ สามารถใช้งานติดตั้งได้อย่างถูกต้อง ให้เกิดการเหมาะสมกับพลังงานต้นกําลังซึ่ง อาจเป็นเครื่องยนต์ หรือกังหันแบบต่างๆ นอกจากนี้ในแผ่นป้ายยังมีการระบุราย ละเอียดของการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจ่ายออกอีกด้วย
![เครื่องกำเนิดไฟ](http://toolmartonline.com/wp-content/uploads/2021/03/9990993-1024x576.jpg)
อีกทั้งเครื่องกําเนิดไฟฟ้าบางยี่ห้อ ยังมีการบอกข้อมูลรายละเอียดเพิ่ม เติม เช่น มาตรฐานการป้องกัน ชั้นของฉนวน ลักษณะการติดตั้ง น้ําหนัก ปีที่ผลิต การใช้น้ํามันหล่อลื่น ขนาดของตลับลูกปืนหน้า-หลัง และจํานวนชั่วโมงของการ เปลี่ยนน้ํามันหล่อลื่นอีกด้วย
- หลักใช้งานและบำรุงรักษา เครื่องปั่นไฟ ให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด
- สิ่งที่คุณต้องมองหาก่อนอันดับแรกก่อนที่จะซื้อ เครื่องปั่นไฟ
อักษรความหมายของ เครื่องปั่นไฟ
AC Generator Hydtogen Inner-Cooled | เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ชนิดระบบความร้อนภายในด้วยก๊าซไฮไดรเจน |
Thermalastic Stator Insulation | ฉนวนของขดลวดเตเตอร์เป็นแบบป้องกันความร้อน ใช้อีป๊อกซี่และไมก้าหุ้มขดลวด |
Westinghouse Electric Corporation | ชื่อบริษัทผู้ผลิต |
H2 Press-Psig 30 | ความดันของก๊าซไฮโดรเจนที่บรรจุอยู่ภายในเท่ากับ 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (เกจ) |
kW 729,500 | พิกัดกำลังไฟฟ้าจริง (Active Power) |
kAV 700,000 | พิกัดกำลังไฟฟ้าปรากฏ (Apparent Power) |
Amperes | พิกัดของกระแสใช้งาน 20,468 แอมป์ |
% PF 93.5 | มีค่าตัวประกอบกำลังไฟฟ้า (Power Fector) |
Field Amperes 4,994 | พิกัดของกระแสสำหรับป้อนขดลวดสนามแม่เล็ก 4,994 แอมป์ |
Exciier Volts | พิกัดแรงดันกระตุ้นขดลวดสนามแม่เหล็ก 400 โวลต์ |
ํC Stator Rise 84 | อุณหภูมิเพิ่มขึ้นของขดลวดสเตเตอร์ 84 ํC |
ํC Rotor Rise 64 | อุณหภูมิเพิ่มขึ้นของขดลวดโรเตอร์ 64 ํC |
ํC Ambient Gas 48 | อุณหภูมิห้อง (แวดล้อม) ของก๊าซ 48 ํC |
Volts 22,000 | พิดัดแรงดันไฟฟ้า 22,000 โวลต์ |
Phase 3 Cycles 60 RPM 1,800 | จ่ายระบบไฟ 3 เฟสที่ความถี่ 60 Hz หมุนด้วยความเร็วรอบ 1,800 รอบต่อนาที |
Instruction Book 21201 Serial 1-S-7900195 | หนังสือคู่มือเลขที่ 21201 และหมายเลขเบอร์จากโรงงาน |
Max.Operating Press-Paig 30 | ความดันของก๊าซสูงสุดจณะทำงาน 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (เกจ) |
เช็คราคา เครื่องปั่นไฟ ทั้งหมด
Comments